วันจันทร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2563

เกาหลีเหนือพร้อมมี "ผู้นำสตรี" แล้วหรือไม่?


รายงานข่าวเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพของผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จองอึน ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา และการที่ไม่มีใครเห็นหน้าอย่างน้อย 2 สัปดาห์ แม้แต่ในพิธีฉลองครบรอบ 108 ปี ของ คิม อิลซุง ผู้เป็นปู่และผู้สร้างชาติ ที่ยังไม่มีใครทราบแน่นอนว่าเกิดอะไรขึ้น เริ่มนำไปสู่คำถามว่าใครจะขึ้นมานำประเทศคอมมิวนิสต์แห่งนี้ หาก คิม จองอึน จากไป และหนึ่งในชื่อที่มีคนเริ่มพูดถึงคือ คิม โยจอง น้องสาวของผู้นำคนปัจจุบันนั่นเอง
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คิม โยจอง แสดงบทบาทในการร่วมงานกับพี่ชายมากขึ้น และเริ่มแสดงให้เห็นว่า ผู้หญิงก็มีส่วนร่วมในการเมืองเกาหลีเหนือได้ ถ้าเป็นสายเลือดเดียวกับผู้ก่อตั้งประเทศ แม้จะเป็นที่ทราบกันว่าผู้หญิงในเกาหลีเหนือนั้นมีบทบาทที่จำกัด และผู้ชายคือผู้ที่ควบคุมทุกอย่าง
สำหรับผู้หญิงในวัน 30 ต้นๆ คิม โยจอง แสดงให้เห็นหลายครั้งว่า เธอมีความสามารถและความพร้อมที่จะดูแลประเทศที่ปู่ของเธอสร้างขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ดังเช่น การที่เธอยืนเคียงข้างพี่ชายในระหว่างการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดี สี จิ้นผิง โดยได้นั่งข้างรองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์
หรือการเป็นตัวแทนเกาหลีเหนือในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวปี 2018 และการเป็นตัวแทนตระกูลคิมคนแรกที่เยือนกรุงโซล เพื่อส่งมอบสารเชิญจาก คิม จองอึน แก่ประธานาธิบดี มูน แจอิน มาร่วมการประชุมสูงสุด
และเมื่อไม่นานมานี้เอง คิม โยจอง ตอบจดหมายของปธน.ทรัมป์ ที่เสนอให้ความช่วยเหลือเรื่องการระบาดของโควิด-19 ซึ่งเธอได้ตอบ ว่า “ความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างผู้นำทั้งสองยังไม่เพียงพอที่จะช่วยยุติความเป็นศัตรูระหว่างสองประเทศได้ แต่เธอหวังว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือและสหรัฐฯ จะพัฒนาไปสู่ระดับที่ดีเหมือนที่ คิม จองอึน และ โดนัลด์ ทรัมป์ มีต่อกัน ... โดยเกาหลีเหนือจะไม่เสียเวลา แต่จะมุ่งพัฒนาความสามารถของประเทศให้ยิ่งใหญ่ต่อไป”
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญยังคงถกเถียงกันว่า เธอมีสิทธิ์และโอกาสจะได้ขึ้นมาเป็นผู้นำเต็มตัวได้หรือไม่
ยู โฮโยล ซึ่งสอนวิชาเกาหลีเหนือศึกษาที่มหาวิทยาลัยเกาหลี และเคยเป็นที่ปรึกษากระทรวงรวมชาติและกระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้ เชื่อว่า อย่างมาก คิม โยจอง คงได้เป็นแค่ผู้สำเร็จราชการ เพราะไม่เพียงแต่บรรดาผู้บริหารรัฐบาลที่มีแต่ผู้ชายเท่านั้นที่จะต่อต้านการขึ้นสู่อำนาจของเธอ คนทั่วไปในเกาหลีเหนือก็จะไม่เห็นด้วยง่ายๆ เช่นกัน
แต่ ซู คิม นักวิเคราะห์ด้านนโยบายและผู้เชี่ยวชาญประเด็นเรื่องความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลี จาก Rand Corp มองว่า คิม โยจอง มีส่วนร่วมในการบริหารประเทศมาเกือบทศวรรษ และเตรียมพร้อมที่จะรับตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดมาตลอดเวลาที่ผ่านมา ทำให้เชื่อว่า ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ หากวันหนึ่ง เธอจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำจริงๆ
อันที่จริง นอกจาก คิม โยจอง แล้ว มีตัวเลือกอื่นๆ ที่อาจจะขึ้นมานำเกาหลีเหนือได้ อาทิ น้องชายคนเล็ก คิม จองโชล ซึ่งไม่มีประสบการณ์ทางการเมืองและไม่มีตำแหน่งใดๆ ในรัฐบาล รวมทั้งดูจะสนใจเรื่องการเล่นกีตาร์มากกว่าการเมือง หรือ หลานชายของ คิม จองอึน ซึ่งก็คือ คิม ฮันโซล ซึ่งแสดงความชังเกาหลีเหนือ และเชื่อว่าใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศในเวลานี้ หรือแม้แต่ บุตรชายวัย 10 ปี ของผู้นำคนปัจจุบัน ซึ่งสื่อรัฐของเกาหลีเหนือไม่เคยพูดถึงเท่าใดเลย
แท ยองโฮ ซึ่งเคยเป็นอดีตเบอร์สองของสถานทูตเกาหลีเหนือประจำกรุงลอนดอน และแปรพักตร์ไปอยู่เกาหลีใต้แล้ว ให้สัมภาษณ์กับสื่อวิทยุแห่งหนึ่งว่า อีกคนที่อาจขึ้นมาแทน คิม จองอึน คือ คิม เปียงอิล ซึ่งเป็นบุตรชายคนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ของผู้ก่อตั้งประเทศ คิม อิลซุง และเพิ่งย้ายกลับมาที่เกาหลีเหนือเมื่อปีที่แล้ว หลังทำหน้าที่นักการทูตอยู่ต่างประเทศมาถึง 4 ทศวรรษ
อย่างไรก็ดี คิม โยจอง ผู้ได้รับการศึกษาที่กรุงเบิร์น สวิตเซอร์แลนด์เหมือนพี่ชาย ก่อนจะกลับมาศึกษาต่อที่เกาหลีเหนือในปี ค.ศ. 2000 ยังดูมีภาษีเหนือกว่าคนอื่นๆ มาก โดยเฉพาะเมื่อเธอเข้าร่วมงานที่ Party Propaganda and Agitation Department และมีหน้าที่รับผิดชอบดูแลภาพลักษณ์ของผู้นำ ซึ่งเป็นงานคล้ายๆ กับที่ คิม จองอิล บิดาของเธอและอดีตผู้นำ เคยทำ ก่อนที่จะปรากฏกายข้างพี่ชายในกิจการต่างๆ ทั้งการเยี่ยมชมโรงงาน พื้นที่เกษตร และหน่วยทหาร ก่อนจะเข้าร่วมงานสำคัญๆ ระดับนานาชาติภายหลัง
ชุน ยุงวู อดีตผู้แทนพิเศษเกาหลีใต้เจรจาประเด็นนิวเคลียร์กับเกาหลีเหนือ กล่าวว่า จุดยืนของ คิม โยจอง ในเวลานี้ ยืนยันว่า เธอไม่ใช่เพียงผู้หญิงคนหนึ่ง แต่เป็นหนึ่งในผู้นำที่มีความชอบธรรมที่จะนำประเทศ แม้แต่ในเกาหลีเหนือที่ผู้ชายเป็นใหญ่ แต่สายเลือดของเธอและบทบาทในพรรคคนงานเกาหลีที่นำการปกครองประเทศ คือ สิ่งที่ชี้ว่า คิม โยจอง มีโอกาสขึ้นมาเป็นที่หนึ่งในอนาคตได้

วันจันทร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2563

ลูกชายป่วยโรคร้ายอุ้มแม่วัย 92 ออกจากบ้าน สุดทนพี่เขยใจดำ หุงข้าวยังไม่ให้ใช้ไฟฟ้า


(20 เม.ย.63) เมื่อเวลา 14.00 น. นายสุริยัน อาจแก้ว ผู้อำนวยการศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดชัยนาท พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ จากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชัยนาท บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดชัยนาท จนท.เทศบาลตำบลบ้านเชี่ยน และผู้ใหญ่บ้าน ลงพื้นที่ ห้องเช่าเลขที่ 40 หมู่ 2 ต.บ้านเชี่ยน อ.หันคา หลังรับแจ้งว่า นางผิน นิ่มนวล อายุ 92 ปี พิการทางการเคลื่อนไหว เนื่องจาก สะโพกหลุด และนายวีระพล นิ่มนวล อายุ 48 ปี สองแม่ลูกที่ถูกลูกเขย ไล่ออกมาจากบ้าน หอบข้าวหอบของ มาอยู่ที่ห้องเช่า มีเงินติดตัวกันมาแค่ 1,000 บาทเท่านั้น
เบื้องต้นได้นำข้าวสารอาหารแห้ง ไข่ไก่ พร้อมให้กำลังใจ และดำเนินการให้ความช่วยเหลือเป็นเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยและผู้ไร้ที่พึ่ง จำนวนเงิน 3,000 บาท และประสานให้ ผู้นำชุมชน เข้ามาดูแลติดตามอย่างใกล้ชิด
นายวีระพล นิ่มนวล เปิดเผยว่า แม่สะโพกหลุด เดินไม่ได้มา 6 ปี ทำให้ตนต้องกลับจากหาดใหญ่ มาอยู่บ้านเพื่อดูแลแม่ ซึ่งที่ดินที่อยู่เป็นที่ของแม่ ในพื้นที่ตำบลไพรนกยูง อำเภอหันคา จังหวัดชัยนาท แต่ต่อมายกที่ดินให้บุตรสาวคนโต และได้ให้นางผินอาศัยอยู่เพิงสังกะสี เป็นกระต๊อบเล็กๆ อาศัยอยู่ข้างบ้านบนที่ดินที่แม่ยกให้ แต่ต้องจ่ายให้พี่เดือนละ 800 บาท โดยเจียดค่าเบี้ยคนพิการของแม่ให้แต่ก็ยังทำให้พี่เขยไม่พอใจ คอยสอดส่องว่าเราใช้ไฟทำอะไรบ้าง กลัวว่าแม่จะเอาที่ดินคืน ก่อนที่จะทะเลาะกัน ล่าสุดมาดึงปลั๊กที่ต้นทางออก แล้วพี่สาวมาบอกว่าถ้าจะเสียบหม้อข้าวให้ไปขอไฟบ้านข้างๆ แล้วเราจะให้ไปขอใคร เลยทนไม่ได้ จริงๆ อยากออกมานานแล้วถูกกดดันมานาน แต่เพราะสงสารแม่พิการเดินไม่ได้

รายได้ของครอบครัวมาจากเบี้ยผู้ป่วย จำนวน 500 บาทต่อเดือน เบี้ยผู้สูงอายุและเบี้ยความพิการของมารดา และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของตนเองและมารดา รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 2,900 บาท ตอนนี้รู้สึกสบายใจ ที่ออกมา จ่ายค่าห้องเดือนละ 800 บาท มีเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูจังหวัดชัยนาท ชาวบ้าน และเจ้าของห้อง เพื่อนบ้านข้างๆ ห้อง เอาเตาแก๊ส เอาข้าวสาร เอาไข่มาให้ เพื่อประทังชีวิต ขอสาบานไว้ที่นี้ว่าจะไม่กลับไปเหยียบบ้านของพี่สาวและพี่เขยอีกแน่นอน
ตอนนี้ไม่ขออะไรมาก แค่อยากให้แม่อยู่สบาย อยากมีที่ดินเล็กๆ ปลูกบ้านเล็กๆ ให้แม่อยู่ ให้มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก แม้ว่าตัวเองจะป่วยเป็นโรคร้ายแรง แต่ก็จะขอดูแลแม่ไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ จะดูแลแม่จนถึงวินาทีสุดท้าย ขอภาวนาให้เราตายทีหลังแม่ เพราะถ้าตัวเองตายไปก็ไม่รู้ว่าใครจะดูแลแม่ต่อ ชีวิตนี้ขอทดแทนคุณให้แม่จนกว่าจะตากจากกันไปข้างหนึ่ง
หากใครอยากช่วยเหลือแม่ลูกคู่นี้ สามารถช่วยเหลือได้ที่ ชื่อบัญชี นายวีระพล นิ่มนวล เลขที่ 020-26912-2048 ธนาคารออมสินสาขาหันคา